การเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังทารกเสียชีวิตในครรภ์
หน่วยงาน ANC
ประเภทที่ส่ง HPH
ที่มาของปัญหา
จากการทบทวนอุบัติการณ์ ปี 2553 พบว่า อัตราการเกิดDFIU ในหญิงที่ฝากครรภ์รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ =
9.08ต่อพันการเกิดทั้งหมด
เกินเกณฑ์(เกณฑ์< 9 ต่อพันการเกิดทั้งหมด)
จำนวนที่มีภาวะDFIU 11 ราย
อายุครรภ์ที่พบคือ 28 , 31 ,
33 ,35 ,37
,38 , 41 wks จำนวน 2,
2 ,2 2 ,1 ,1, 1 ราย
ตามลำดับ
การดำเนินงาน
เจ้าหน้าที่สอนการนับและบันทึกเด็กดิ้นตั้งแต่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ โดยให้นับหลังรับประทานอาหาร ทั้ง 3 มื้อ ภายใน
1 ชม. ถ้าทารกดิ้นน้อยกว่า 3 ครั้งให้รีบไปพบแพทย์ทันที
การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
จากการเก็บรวบรวมสาเหตุของปัญหาที่ทำให้เกิดภาวะDFIU ปัญหาส่วนใหญ่ เกิดจากหญิงตั้งครรภ์ ขาดความตระหนักในการสังเกตลูกดิ้น
และว่าพบทารกเสียชีวิตในครรภ์เมื่ออายุ28- 32 สัปดาห์ปี 2553
จำนวน 4 ราย และเสียชีวิตในครรภ์ตั้งแต่ 32 สัปดาห์ขึ้นไปจำนวน 7
รายจึงได้จัดทำกิจกรรมพัฒนางาน การเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังทารกเสียชีวิตในครรภ์ให้เร็วขึ้น
โดยให้หญิงตั้งครรภ์นับและบันทึกเด็กดิ้นตั้งแต่ 28 สัปดาห์
วัตถุประสงค์
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังทารกเสียชีวิตในครรภ์
ตั้งแต่ 28 สัปดาห์
ตารางการแก้ปัญหา
ปัญหา
|
สาเหตุ
|
วิธีการปรับปรุง/แก้ปัญหา
|
ผู้รับผิดชอบ
|
จากการทบทวนอุบัติการณ์ ปี 2553 พบว่า อัตราการเกิดDFIU
จำนวนที่ฝากครรภ์รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ =
9.08ต่อพันการเกิดทั้งหมด
เกินเกณฑ์(เกณฑ์< 9.08ต่อพันการเกิดทั้งหมด)
จำนวนที่มีภาวะDFIU
11 ราย
อายุครรภ์ที่พบคือ 28
31 33 35
37 38 41
wks จำนวน 2 2 2 2 1 1 1 ราย
ตามลำดับ
|
-
หญิงตั้งครรภ์ขาดความรู้และความตระหนักในการนับและบันทึกลูกดิ้น
-
เดิมแผนกฝากครรภ์จะให้ความรู้ในการนับเด็กดิ้นและบันทึกการนับเด็กดิ้นตั้งแต่ 32 สัปดาห์
|
1. ประชุมทีมงาน พยาบาลฝากครรภ์หาแนวทางการป้องกัน
2. ที่ประชุมมีข้อตกลงให้ปรับปรุงแนวทางการนับและบันทึกการดิ้นของทารกให้เร็วขึ้นคือให้นับตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์
ขึ้นไปเนื่องจากเด็กที่คลอดตั้งแต่อายุครรภ์
28 สัปดาห์ สามารถมีชีวิตรอดได้
และให้นับจนถึงคลอด โดยให้นับและบันทึกเด็กดิ้นหลังอาหารมื้อเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็น ทารกควรดิ้นอย่างน้อย 3ครั้งใน 1
ชม.หลังอาหารหรือดิ้นมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน จึงถือว่าปกติ
3.
บันทึกเด็กดิ้นในของสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก
4.
ให้ข้อมูลแก่หญิงตั้งครรภ์และญาติเรื่องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อมารดาและทารกและความรู้สึกของหญิงตั้งครรภ์ต่อการการดิ้นของทารก
แสดงถึงการมีชีวิตของทารก การเคลื่อนไหวของทารกมักจะลดลง และไม่เคลื่อนไหว 12
-48 ชั่วโมง ก่อนที่หัวใจทารกจะหยุดเต้น
5.
สอนให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตลูกดิ้น
และให้บันทึกการดิ้นของทารกโดยให้นับและบันทึกเด็กดิ้นหลังอาหารมื้อเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็น ถ้าทารกควรดิ้นน้อยกว่า 3ครั้งใน 1
ชม. ให้รีบไปพบแพทย์
6.
ติดตามการบันทึกเด็กดิ้นเมื่อมาฝากครรภ์ครั้งต่อไปโดยเจ้าหน้าที่ที่ที่ตรวจครรภ์จะตรวจสอบการบันทึกเด็กดิ้น
ทุกครั้งที่มาฝากครรภ์
|
เจ้าหน้าที่แผนกฝากครรภ์
|
เครื่องชี้วัด อัตราการเกิด ภาวะ DFIU
< 9 ต่อพันการเกิดทั้งหมด
ระยะเวลาดำเนินการ วันที่1 ก.ย. 54 – 31 ต.ค. 2554
|
อายุครรภ์ตั้งแต่ 28wks ขึ้นไป(ทั้งหมด)
|
อายุครภ์
>32 wks
|
อายุครภ์ 28-32
wks
|
อัตราDFIU
|
ก่อนทำ(ปี 2553)
|
11
|
7
|
4
|
9.08ต่อพันการเกิดทั้งหมด
|
หลังทำ(ปี 2554)
|
2
|
2
|
0
|
2.46:
พันการเกิดทั้งหมด
|
เป้าหมาย
|
-
|
-
|
-
|
<9ต่อพันการเกิดทั้งหมด
|
ปฏิบัติได้
|
-
|
-
|
-
|
2.46:
พัน
(ลดลง 6.54)
|
ผลลัพธ์ ทางตรง หลังทำ(ปี 2554)อัตราการเกิด
ภาวะ DFIU 2.46: พันการเกิดทั้งหมด
ผลทางอ้อม
ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการให้หญิงตั้งครรภ์นับและบันทึกการดิ้นของทารกตั้งแต่ 28
สัปดาห์
บทเรียนที่ได้รับ
การให้หญิงตั้งครรภ์มีการดูแลตนเองโดยการนับและบันทึกลูกดิ้นให้เร็วขึ้น
เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง และป้องกันทารกเสียชีวิตในครรภ์
ปัญหาและอุปสรรค
หญิงตั้งครรภ์ขาดความตระหนักในการบันทึกลูกดิ้น
บันทึกลูกดิ้นไม่สม่ำเสมอ
โอกาสพัฒนาต่อเนื่อง
นำเสนอในที่ประชุม MCH Board
อ. เมือง
ปี2555,2556
(ต.ค.-มี.ค.2556)
ผลการดำเนินการเฝ้าระวังต่อ พบว่าอัตรา DFIU = 4.05: พันการเกิดทั้งหมดและ 0 : พันการเกิดทั้งหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น