วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

พัฒนา Elective case ที่ Set หลัง 15.00 น. ได้รับการเยี่ยมก่อนผ่าตัดใน PCT ศัลยกรรม

หน่วยงาน วิสัญญี
เป้าหมาย
-          ผู้ป่วย Elective case ได้รับการตรวจเยี่ยมก่อนผ่าตัด >80%
 ปัญหา
-          ผู้ป่วย Elective case ที่ Set หลังเวลา 15.00 น. ไม่ได้รับการเยี่ยมก่อนผ่าตัด
ข้อมูลก่อนการแก้ปัญหา
                ข้อมูลจากเดือนตุลาคม 2549  เดือนมกราคม 2550 แสดงให้เห็นถึงอัตราการ Set ผ่าตัด Elective case หลัง 15.00 น. จากทั้งเดือนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
                โดยในเดือนตุลาคม 2549 มีจำนวนร้อยละ 23.97 เดือนพฤศจิกายนมีจำนวนร้อยละ 26.20 เดือนธันวาคมมีจำนวนร่อยละ 31.20 และในเดือนมกราคม 2550มีจำนวนร้อยละ 29.40 ตามลำดับ
                ข้อมูลดังกล่าวทำให้อัตราการเยี่ยมผู้ป่วยก่อนผ่าตัดลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่ได้ตั้งไว้ (>80%) ดังนี้ เดือนตุลาคม 2549 เยี่ยมก่อนผ่าตัดร้อยละ 76.03 เดือนพฤศจิกายน 2549 ร้อยละ 73.80 เดือนธันวาคม 2549 ร้อยละ 68.80 และเดือนมกราคม 2550ร้อยละ 70.60
 กำหนดแนวทางปฏิบัติ
                กลุ่มงานวิสัญญีพยาบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาในรูปแบบ CQI โดยการผลักดันปัญหาดังกล่าวเข้าสู่ PCT ศัลยกรรมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติดังนี้
1.      ปรับปรุงใบ Set ผ่าตัด โดยเพิ่มช่องเวลาที่มา Set ผ่าตัดกับแผนกผ่าตัด
2.      ให้กดกริ่งเรียกพนักงานประจำแผนกผ่าตัดทุกครั้งกรณีไม่พบผู้รับ Set ผ่าตัด
3.      สามารถ Set ผ่าตัดทางโทรศัพท์ได้ในกรณีใกล้เวลา 15.00 น.
4.      พยาบาลแผนกผ่าตัดที่ Set ผ่าตัดให้ขึ้นกระดานด้วยปากกาสีแดงในรายที่ Set หลัง15.00น.
5.      มีเกณฑ์การจำแนกผู้ป่วยเป็นลายลักษณ์ที่ชัดเจน (ดูเอกสารประกอบ)
6.      หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น แพทย์ พยาบาลประจำหอผู้ป่วย ให้ข้อมูลการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดแก่ผู้ป่วย อย่างเช่น หลังจากแพทย์ทำการตรวจและผ่าตัด ให้ผู้ป่วยรีบเข้าตึกและแจ้งให้พยาบาลทราบเพื่อรับคำแนะนำ และการรักษาพยาบาล ก่อนไปทำธุระที่อื่น เป็นต้น
7.      วิสัญญีพยาบาลทำการตรวจเยี่ยมผู้ป่วยทุกรายที่ Set ผ่าตัดหลัง 15.00 น. เพื่อวางแผนการให้ยาระงับความรู้สึก
 สรุปผล  ผลทางตรง
ปัญหา
ก่อนแก้ปัญหา
หลังแก้ปัญหา
เป้าหมาย
ผลการปรับปรุง
- ผู้ป่วย Elective   case หลังเวลา 15.00 น. ไม่ได้รับการตรวจเยี่ยมก่อนผ่าตัด
72.31%
83.79%
>80%
ผู้ป่วยได้รับการตรวจเยี่ยมก่อนผ่าตัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.48
 ผลทางอ้อม
                ผู้ป่วยได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวก่อนระหว่างและหลังได้รับยาระงับความรู้สึก พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจและสังคมเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่อาจเกิดได้
 แผนการดำเนินงาน

                พัฒนา Elective case ที่ Set หลัง 15.00 น. ได้รับการเยี่ยมก่อนผ่าตัด ใน PCT เพื่อให้ผู้ป่วย Elective case ได้รับการเยี่ยมก่อนผ่าตัดมากขึ้น

ลดอุบัติการณ์การเกิดอุบัติเหตุจากของมีคม และสารคัดหลั่งของผู้ป่วยจากการปฏิบัติงานในบุคลากรแผนกผ่าตัด

หน่วยงาน ห้องผ่าตัด
เหตุจูงใจ              
มีการกลับซ้ำของปัญหาในปีงบประมาณ 2550 นี้ จากการสรุปรายงานเฝ้าระวังการเกิดอุบัติเหตุ สัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง จากการปฏิบัติงานของบุคลากร พบว่า
-          บุคลากรที่ปฏิบัติงานในแผนกผ่าตัด ได้รับอุบัติเหตุจากของมีคม และสารคัดหลั่งจากการปฏิบัติงานของบุคลากร จำนวน 4 ราย คิดเป็นร้อยละ 18.18
-          บุคลากรแผนกอื่น แต่พบอุบัติเหตุจากของมีคม และสารคัดหลั่งภายในแผนกผ่าตัด จำนวน 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.63     
* ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในหน่วยงานโรงพยาบาล
 ข้อมูลก่อนการแก้ไข
ประเภทของบุคลากร
ลักษณะอุบัติเหตุ
คนงาน

พยาบาลวิชาชีพ

พยาบาลวิชาชีพ
พยาบาลวิชาชีพ
แพทย์

แพทย์
แพทย์
ปลายเข็ม Insulin ตำมือ ขณะไปหยิบผ้า Swab เก่าที่ซักแล้ว ใช้Damp ปลายเข็มอยู่ในผ้า
ขณะช่วยแพทย์ผ่าตัดใน case เข็มหนีบอยู่ใน Needle holder วางหงายอยู่ เข็มตำมือ
ขณะรัดสายสะดือเด็ก สารคัดหลั่งกระเด็นเข้าตา
ขณะช่วยแพทย์ใน case ผ่าตัด ถูกเข็มในมือมาตำ
ขณะผ่าตัดกำลัง stop Beeding มือซ้ายไปถูกเข็มซึ่งวางไว้อยู่บริเวณหน้าท้องเกี่ยว
ขณะผ่าตัด ถูกเข็ม Cutting ที่ใช้เย็บชั้นผิวหนังของผู้ป่วยตำมือ
ขณะผ่าตัดเย็บแผล ถูกเข็ม Cutting ที่ใช้เย็บผิวหนัง
วิเคราะห์สาเหตุ (ในหน่วยงาน) จากอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้น
·       พบว่าขณะผ่าตัดเป็นกิจกรรมที่พบอุบัติเหตุจากของมีคมเป็นอันดับ 1
·       การทิ้งของมีคมไม่ถูกที่
·       ไม่ได้สวมเครื่องป้องกัน เช่น แว่นตา ถุงมือยาง
 เป้าหมาย        อัตราการเกิดอุบัติเหตุจากของมีคมและสารคัดหลั่งจากการปฏิบัติงานบุคลากรในแผนกผ่าตัดลดลงจากเดิมร้อยละ 70
วิธีดำเนินการ
                เมื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาทำให้พบว่า ในการปฏิบัติงานของบุคลากรยังมีช่องโหว่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจากของมีคมและสารคัดหลั่ง ซึ่งมีประเด็นหลักคือ การประสานงานในทีมงานผ่าตัดตั้งแต่แพทย์จนถึงพยาบาล จึงเพิ่มเติมวิธีแก้ไขปัญหาจากที่เป็นอยู่ กล่าวคือ
1.      ในทุก case เมื่อส่งของมีคม เข็มเย็บ ให้ Scrub nurse ขานบอกเพื่อร่วมทีมผ่าตัดทุกครั้ง เพื่อให้ผู้ร่วมทีมผ่าตัดเพิ่มความระมัดระวัง
2.      ขอความร่วมมือจากผู้ร่วมงานในทีมผ่าตัดทุกคน เมื่อวาง Needle holder ที่มีเข็มเย็บติดอยู่ให้ใช้ปากคีบบริเวณส่วนที่คม และบอกผู้ร่วมทีมผ่าตัดทุกครั้ง
3.      เก็บของมีคมออกจากบริเวณผ่าตัดทันที ก่อนส่งเครื่องมืออื่นให้แพทย์
4.      หลังทำการผ่าตัดให้ Scrub nurse เป็นผู้จัดเก็บเครื่องมือที่ใช้แล้ว เพื่อแยกของมีคมใส่ถ้วย Betadine cup หรือ ชามรูปไต พร้อมตรวจสอบจำนวนก่อนส่งไปยังห้องล้างเครื่องมือ
5.      วางแผนจัดซื้อ Needle holder เพิ่ม เพื่อทดแทนของเก่าที่ชำรุด
6.      ไม่นำของชำรุดวนกลับมาใช้ใน Set
7.      เปลี่ยนทันทีเมื่อทราบว่าชำรุด (ในกรณีมี Needle holder ให้เปลี่ยน)
8.      จัดวางตะกร้าใส่แว่นตาไว้บริเวณอ่างล้างมือทุกจุด
9.      จัดหาเครื่องป้องกันร่างกายและให้ความรู้แก่บุคลากร ในการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้เครื่องป้องกันร่างกายที่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน
 ผลที่ได้รับ
1.      มีแนวทางปฏิบัติงานเพื่อลดอุบัติการณ์การเกิดอุบัติเหตุจากของมีคม และสารคัดหลั่งไปในแนวทางเดียวกันทั้งหน่วยงานและปฏิบัติได้จริง
2.      อัตราการเกิดอุบัติการณ์ควรลดลง (ขณะนี้อยู่ในช่วง Moniteiry)
 ปัญหาและอุปสรรค
                ในช่วงแรกต้องทำความเข้าใจกันระหว่างผู้ร่วมงานทุกระดับให้มีแนวทางปฏิบัติในทางเดียวกัน เพื่อผลสัมฤทธิ์ของการแก้ไขปัญหาซึ่งต้องทำเป็นระยะๆจนกลายเป็นปฏิบัติประจำ และมีการนิเทศติดตาม ประเมินผลการดำเนินการ เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหาสาเหตุและทบทวนวิธีการแก้ไขปัญหาทันที


งานติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากยา

หน่วยงาน เภสัชกรรม
ปัญหา
1.        มีผู้ป่วยแพ้ยาซ้ำ/ป้องกันแพ้ยาซ้ำ ในปีงบประมาณ 2549 และปีงบประมาณ 2550 จำนวน2/26 และ 2/24 ราย ตามลำดับ
2.        มีผู้ป่วยเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาที่รุนแรง (TEN ,SJS) ในงบประมาณ 2549 และปีงบประมาณ 2550 จำนวน 7 และ 8 ราย ตามลำดับ
 สาเหตุการแพ้ยาซ้ำ
1.      ตัวผู้ป่วย: ขาดความรู้ ขาดความตระหนักในการพกบัตรและจดจำชื่อยาที่แพ้
2.      ระบบของโรงพยาบาล : ขาดการคัดกรองข้อมูล ขาดการส่งต่อข้อมูลแพ้ยา
 การพัฒนาระบบเฝ้าระวังการแพ้ยา
-          การคัดกรองประวัติแพ้ยาของผู้ป่วยก่อนพบแพทย์ทั้ง IPD และ OPD
-          การส่งต่อข้อมูลการแพ้ยา แก่แพทย์ พยาบาล โดยใช้ OPD Card สีชมพู
-          ลงข้อมูลแพ้ยาและลงชื่อยาที่แพ้บนใบสั่งยา โดยติดสติ๊กเกอร์สีชมพูที่OPD Card โดยใช้Program Popup Alert  เริ่มเดือนสิงหาคม 2550
-          ออกบัตรแพ้ยาโดยวงเล็บชื่อยาภาษาไทย
-          ติดป้ายประกาศเตือนและจัดบอร์ดให้ความรู้เรื่องแพ้ยา
-          ประสานเจ้าหน้าที่ห้องบัตรเพื่อติดตาม Sticker แพ้ยา และทำหนังสือส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยไปยังรพ.ต้นสังกัด
 การเฝ้าระวัง ADR ที่รุนแรง (TEN< SJS)
-          กำหนดรายชื่อยาที่เฝ้าระวัง เช่นยาในกลุ่ม sulfa ยากันชัก ยาเก๊าท์ และยาต้านเชื้อไวรัส
-          ออกบัตรเตือนยาในกลุ่มที่อาจเกิด ADR ที่รุนแรง ในผู้ป่วยรายใหม่ทุกราย
-          เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากการดำเนินงาน
 ผลการดำเนินงาน
-          ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2550 ถึง ตุลาคม 2550
§  จำนวนผู้ป่วยแพ้ยา = 0
§  ไม่มีผู้ป่วยเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาที่รุนแรง
 แผนงานในอนาคต
-          เฝ้าระวังและติดตามผลการเกิด ADR ในผู้ป่วยเพื่อค้นหาปัญหาและพัฒนาต่อเนื่อง
-          ออกบัตรสงสัยแพ้ยา หรืออาการไม่พึงประสงค์จากยาที่รุนแรง (บัตรสีชมพู)
-          เฝ้าระวัง ADR ในกลุ่มยา High alert drug ของโรงพยาบาล เช่น KCI , Dilantin

-          ประชาสัมพันธ์เรื่องการแพ้ยาแก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยที่มารับบริการในโรงพยาบาล

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

กล่องอันตราย OR

กล่องอันตราย OR
หน่วยงาน  ห้องผ่าตัด
ที่มาของปัญหา
ในสถานการณ์ปัจจุบันเหตุความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากที่มีอาการที่ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เช่น การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง  ทรวงอก  เป็นต้น ซึ่งเป็นหัตถการที่ยุ่งยากซับซ้อนต้องใช้ไหมที่ติดเข็มเย็บจำนวนมาก ทั้งชนิดและขนาดที่แตกต่างกัน  พยาบาลส่งเครื่องมือจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่ก่ออันตรายจากวัสดุแปลกปลอมตกค้างภายในแผลผ่าตัด โดยมีแนวปฏิบัติในการตรวจนับเครื่องมือของมีคม ผ้าซับโลหิต เข็มเย็บจำนวนมาก ทั้งชนิดและขนาดที่แตกต่างกัน  จึงต้องแยกเป็นหมวดหมู่เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้ และการนับจำนวนการ
วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
1. ไม่มีภาชนะใส่เข็มที่ใช้กับผู้ป่วย
2. เข็มที่เกิดการปนเปื้อนเชื้อโรคและใช้กับผู้ป่วยแล้ว
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้มีกล่องเก็บเข็มใช้ในการผ่าตัดใหญ่ ยุ่งยากซับซ้อนที่ใช้วัสดุผูกเย็บเป็นจำนวนมาก
2. เพื่อความสะดวก ปลอดภัย ป้องกันอันตรายจากสิ่งแปลกปลอมและจากการถูกเข็มตำ
วิธีการดำเนินงาน
1. ศึกษาข้อมูลแนวทางดำเนินการจัดเก็บเข็มของสถาบันอื่นๆ
2. เตรียมอุปกรณ์ ได้แก่
                        2.1 กล่องเก็บแผ่นแก้วสไลด์ที่ใช้แล้วจากห้องเซลล์รักษา ขนาด 9.5*7.5 cm.
2.2 แผ่นฟองน้ำรองวัสดุการแพทย์ที่เหลือใช้
            2.3 ไม้บรรทัด
2.4 กระดาษกาวสองหน้า    
2.5  ปากกา
3.วิธีการประดิษฐ์
                        3.1 นำไม้บรรทัดมาวัดขนาดแผ่นฟองน้ำให้เท่ากับกล่องเก็บแผ่นแก้วสไลด์
                        3.2 ใช้กรรไกรตัดฟองน้ำให้ได้ขนาดที่วัด
                        3.3 ใช้กระดาษกาวสองหน้าความยาวเท่ากับแผ่นฟองน้ำยึดแผ่นฟองน้ำให้ติดกับกล่อง
                        3.4 นำกระดาษกาวสองหน้าตัดให้ได้ความยาวของกล่อง นำมาติดด้านล่างของกล่อง เมื่อจะใช้งานจึงแกะกาวสองหน้าอีกด้านหนึ่งออกแล้วนำมาติดกับถาดส่งเครื่องมือ
                        3.5 นำกล่องที่ประดิษฐ์เสร็จไปทำให้ปราศจากเชื้อโดยวิธีอบแก็ส
เครื่องชี้วัด     อุบัติการณ์ เข็มและของมีคมหล่นหาย = 0
ระยะเวลาการดำเนินงาน     1 กุมภาพันธ์2556
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
1.       ช่วยลดการปนเปื้อนของเข็ม และของมีคมจากผู้ป่วย
2.       ทำให้การจัดเก็บเข็มและของมีคมเป็นระเบียบเรียบร้อย
 บทเรียนที่ได้รับ
            ทีมผ่าตัดมีความพึงพอใจในผลงานกล่องเก็บเข็ม
ปัญหาและอุปสรรค
กล่องเก็บเข็มนำมาจากวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว เช่นกล่องเก็บแผ่นสไลด์ในห้องปฏิบัติซึ่งมีขนาดเดียว และจำนวนไม่เพียงพอฟองน้ำที่รองวัสดุทางการแพทย์ มักจะมีสีดำ, น้ำเงิน และไม่อ่อนนุ่มพอ
โอกาสพัฒนาต่อเนือง

            กล่องเก็บเข็มที่ประดิษฐ์นั้นมีขนาดเดียว ฟองน้ำที่นำมาใช้มีสีดำ,น้ำเงิน  หากมีการพัฒนาใหม่ให้มีหลายขนาด เลือกใช้แผ่นโฟมชนิดบางนำมาตีตารางแบ่งช่องจะช่วยในการแยกชนิดของใหม่ได้ง่ายขึ้น และแผ่นโฟมบางมีความอ่อนนุ่มเหมาะในการปักเข็ม ซึ่งอาจมีผลต่อความคมของเข็มเย็บ

ผ้าห่อเด็ก เชื่อมสัมพันธ์แม่ -ลูก

ผ้าห่อเด็ก เชื่อมสัมพันธ์แม่ -ลูก
หน่วยงาน    ตึกเปี่ยมสุข 1   (5511)
ที่มาของปัญหา                
เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และกระตุ้นการสร้างและการหลั่งของน้ำนม    แม่โดยเร็ว   โดยทางห้องคลอดได้ดูแลให้ลูกดูดนมแม่ภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด   ซึ่งได้ปฏิบัติกับทารกหลังคลอด  ที่คลอดในห้องคลอดทุกรายได้แก่  คลอดปกติ  คลอดโดยใช้คีม  เครื่องดูดสูญญากาศ  คลอดท่าก้น  ทารกครรภ์แฝด  ตรวจสอบจาก Apgar score  นาทีที่ 5 ได้ 10 คะแนน ซึ่งพบว่ามารดาหลังคลอดบางราย ขาดความมั่นใจในการอุ้มให้เด็กดูดนม หรือออาจได้รับยาระงับการปวดก่อนคลอด  ทำให้ระยะเวลาในการให้ดูดนมได้น้อย  จึงเป็นที่มาของการจัดนวัตกรรม ผ้าห่อเด็กเชื่อมสัมพันธ์แม่ -ลูก
การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา        
1. ผู้คลอดครรภ์แรกขาดความรู้ในการให้นมบุตร
2. ผู้คลอดขาดความมั่นใจในการอุ้มให้นมบุตรหลังคลอดทำให้ระยะเวลาให้นม   บุตรน้อยกว่า 30 นาที
3. เพื่อเพิ่มความพึงพอใจต่อหญิงหลังคลอดในการให้นมบุตร
วัตถุประสงค์                   
1. ผู้คลอดมีความรู้ในการให้นมบุตร  รู้ถึงวิธีการอุ้ม  การอมที่ถูกต้อง
2. เพื่อกระตุ้นให้มารดาหลังคลอดมั่นใจในการให้นมบุตร
3. เพื่อกระตุ้นสายสัมพันธ์แม่-ลูกภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด
4. ระยะเวลาในการให้นมบุตรมากกว่า 30 นาที
5. สร้างความพึงพอใจให้หญิงหลังคลอดมากขึ้น
วิธี/กิจกรรมที่ดำเนินการ                
1. ประชุมทีมงานเพื่อปรึกษาและวางแผนการดำเนินงาน
2. ร่วมกันออกแบบผ้าห่อเด็ก  เชื่อมสัมพันธ์แม่-ลูก


3. เตรียมความรู้เจ้าหน้าที่ในการดูแลหญิงหลังคลอดในการให้ลูกดูดนมแม่ภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด
เครื่องชี้วัด                     
1. มารดาและทารกหลังคลอดที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน  ได้ดูดนมแม่ภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด
2. ร้อยละ   80  ของหญิงหลังคลอดให้บุตรดูดนมมารดานาน  30  นาที
3. ร้อยละ  80  ของหญิงหลังคลอด  มีความพึงพอใจในการให้บุตรดูดนมหลังคลอด
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น                          
1. หญิงหลังคลอด ให้บุตรดูดนมมารดาภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดนาน 30 นาที ได้  72.67%
2. หญิงหลังคลอด  พึงพอใจในการให้บุตรดูดนมหลังคลอด  86%
บทเรียนที่ได้รับ                            
หญิงหลังคลอดที่ให้บุตรดูดนมแม่ภายในครึ่งชั่วโมงหลังคลอดเพื่อสร้าง ความผูกพัน ความรัก และ ความอบอุ่นให้เกิดขึ้นระหว่างลูกน้อยกับคุณแม่   เป็นช่วงเวลาทองที่ลูกจะรับรู้ได้ทันที และ ยังเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายคุณแม่สร้างน้ำนมได้มากและเร็วขึ้นอีกด้วย
ปัญหาและอุปสรรค                      
1.หญิงหลังคลอดที่ได้รับยาแก้ปวดก่อนคลอด  จะรู้สึกสลึมสลือทำให้ขาดความมั่นใจในการให้บุตรดูดนม
2.เจ้าหน้าที่ไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการให้บุตรดูดนมมารดาภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดนานมากกว่า  30 นาที
โอกาสพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 
1.จัดทำผ้าห่อเด็ก  เชื่อมสัมพันธ์แม่-ลูก  ให้มีปริมาณเพียงพอ

2. เพื่อนำไปขยายผล  ร่วมกับ PCT โรงพยาบาล และหน่วยงานอื่นๆที่รับผิดชอบงานอนามัยแม่และเด็กในเครือข่าย

ล้างมือสัญจร


ล้างมือสัญจร
สถานที่ปฏิบัติ  งานป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล    
ความเป็นมาละความสาคัญองปัญหา
ล่งของชื้โรคนโรงพาบาลที่สำคัญคือ ผู้ป่ยที่นโรติดเชื้อ หรือมีเชื้อเจริญเติบยู่โม่แสดอาการ ารทำงานที่้อง สัมผัสผู้ป่ยู่เสมอทำห้มือของบุคลากรอาจมีารปนเปื้อเชื้อได้ ดังนั้เชื้อโรคึงอาจพร่กายกผู้ป่วยรายนึ่งไปยังผู้ป่วอีก รายนึ่งผ่านางมือองบุคากร ซึ่งพบ่าเป็นกการแพร่ชื้อที่ พบไ้มกที่สุด มารการป้องันารแร่กรจาเชื้อที่าคญคือ การทำความะอามือ เนื่องจามีการศึกษาหลายรางาที่พบว่า การทำคามะอามือของบคลากรที่ถูกต้องทำห้อัตรการติเชื้อ ในโรงพาบาลลดลง
  
วัตถุประสงค์
           1. เพื่อประมิประสทธิภาพองกาล้างมือในหน่วยงาน Lab , X-ray , Blood Bank , กายภาพบำบัด, คลินิกเด็กดี, ฝังเข็ม, อาคารเภสัช, ทันตกรรม
           2. เพื่อลดอัตราการปนเปื้อนเชื้อที่อยู่บนมือ
         3. เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้ป่วย
           4. เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อระหว่างผู้ป่วย
           5. เพื่อลดความเสี่ยงในการนำเชื้อโรคเข้าสู่ตนเอง
วิธีการดำเนินการ
           1. กำหนดเป้าหมายหน่วยงานที่ทำการประเมิน
           2. สร้างแบบปรเมินประสิทธิภาพของการล้างมือ
           3. ประชุมทำมเข้าใจวิธีการทำแบบระเมิน

กิจกรรมดำเนินาร
1. สอนการล้างมืออย่างถูกต้อง 7 ขั้นตอน วันที่ 15 - 29 มีนาคม 2556
2. ปะเมนปะสิทธิภาพขงการล้างมืใช้สรเงแงแล้วส่อผ่านเคื่องทดสอบารล้งมืหน่วยงานใหทุกำความสะอดมือำนวน 85 คน ที่เข้างมืนวนที่ 16 – 31 พฤษภาคม  2556 โดยใช้แบบประเมิน

วิธีการดำเนินาร
ห้คามรู้เกี่ับ วิธีารล้างมือที่ถูกต้อง 7 ขั้นตอนในหน่วยงานดังกล่าว
-  เก็บรบรวมข้อมู/วิคราห์ข้อมู/ประเมินผล
ศึกาปัญหาละางแผหานวทางแก้ไขต่อไป
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลการประเมินเจ้าหน้าที่  85 คน
- ล้างมือผ่น 59 คน คิดเป็น 69.41%
(ล้างมือผ่าน หมายถึง การล้างมือที่ถูก 7 ขั้นตอน มีสารเรืองแสงอยู่บริเวณหน้ามือ-หลังมือ ซ้าย-ขวา น้อยมาก)
- ล้างมือไมผ่าน 26  คน  คิดเป็น 30.59%
(ล้างมือไม่ผ่มายถึง รล้ามือที่ไม่ถูก 7 ขั้นตอน และยังมีสรเรืงแงอยู่เป็นหย่อมๆบริเวณทั้งหน้ามือ และหลังมือซ้าย – ขวา)
บทเรียนที่ได้รับ
1. ได้ราบถึงประสิทธิภาพของารล้างมอในเจ้าหน้าที่กลุ่มเป้าหมาย 
2.ด้ทราบบริเวที่มักล้างมือไม่สะอาดเพื่อางแผนนการให้คามรู้แก่บุคลากรทีมสภาอื่นๆที่ เกี่ยข้องต่อไป
ปัญหาและอุปสรรค
1. เจ้าหน้าที่ไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการล้างมืออย่างถูกขั้นตอน
2. เจ้าหน้าที่ล้างมือไม่ถูกต้องตามขั้นตอนและไม่สะอาด (โดยตรวจสอบกับสาร
เรืองแสงและส่องผ่านเครื่อง
โอกาสพัฒนาต่อเนื่อง
1. เจ้าหน้าที่ทุกแผนกในโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์เห็นความสำคัญของการล้างมืออย่างถูกขั้นตอนมากขึ้น

2. เจ้าหน้าที่ทุกแผนกในโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์  ตระหนักถึงความเสี่ยงของการติดเชื้อในโรงพยาบาล  ทำให้สามารถลดการแพร่กระจายเชื้อได้ดียิ่งขึ้น